ข่าวสาร
การเปลี่ยนแปลงของความจุและแรงดันไฟฟ้าในการจับคู่แบตเตอรี่ลิเธียมคืออะไร
1. แบตเตอรี่ลิเธียมต่ออนุกรม: เมื่อแรงดันไฟฟ้าถูกรวมกัน ความจุจะคงที่ แต่ความต้านทานภายในจะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างต่อไปนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเทอร์นารีขนาด 3.7V 2Ah
ตัวอย่าง แรงดันไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงของแบตเตอรี่ลิเธียมเทอร์นารีแบบต่ออนุกรมอย่างง่าย: เซลล์เดี่ยว 3.7V สามารถประกอบเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ แพ็คแบตเตอรี่ แรงดันตามต้องการเท่ากับ 3.7*(N)V (N: จำนวนเซลล์เดี่ยว)
ตัวอย่าง: 7.4V 2Ah (แบตเตอรี่ลิเธียม 2 ก้อนต่ออนุกรม)
11.1V 2Ah (แบตเตอรี่ลิเธียม 3 ก้อนต่ออนุกรม)
22.2V 2Ah (แบตเตอรี่ลิเธียม 6 ก้อนต่ออนุกรม)

2. เมื่อแบตเตอรี่ลิเธียมต่อแบบขนาน แรงดันไฟฟ้าจะคงที่ ความจุจะถูกรวมกัน และความต้านทานภายในจะลดลง ตัวอย่างต่อไปนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเทอร์นารีขนาด 3.7V 2Ah
ตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงความจุของแบตเตอรี่ลิเธียมเทอร์นารีแบบต่อขนานอย่างง่าย: แบตเตอรี่ขนาด 2Ah หนึ่งก้อนสามารถประกอบเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้แบตเตอรี่แพ็คที่มีความจุเท่ากับ 2*(N)Ah (N: จำนวนแบตเตอรี่เดี่ยว)
ตัวอย่าง: 3.7V 4Ah (แบตเตอรี่ลิเธียม 2 ก้อนต่อแบบขนาน)
3.7V 6Ah (มีแบตเตอรี่ลิเธียม 3 ก้อนต่อกันแบบขนาน)
3.7V 8Ah (มีแบตเตอรี่ลิเธียม 4 ก้อนต่อกันแบบขนาน)
3.7V 10Ah (มีแบตเตอรี่ลิเธียม 5 ก้อนต่อกันแบบขนาน)

3. การต่อกันแบบอนุกรมและแบบขนานของแบตเตอรี่ลิเธียม: ชุดแบตเตอรี่นี้มีทั้งการต่อแบบขนานและแบบอนุกรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงดันไฟฟ้าและความจุ โดยรูปแบบการเปลี่ยนแปลงคือ แรงดันไฟฟ้า 3.7*N, ความจุ 2*N (N: จำนวนแบตเตอรี่)
ตัวอย่างเช่น: 7.4V 4Ah (2 ชุดต่ออนุกรมและ 2 ชุดต่อขนาน รวมทั้งหมด 4 ก้อนแบตเตอรี่ลิเธียม)
7.4V 6Ah (2 ชุดต่ออนุกรมและ 3 ชุดต่อขนาน รวมทั้งหมด 6 ก้อนแบตเตอรี่ลิเธียม)
11.1V 8Ah (3 ชุดต่ออนุกรมและ 4 ชุดต่อขนาน รวมทั้งหมด 12 ก้อนแบตเตอรี่ลิเธียม)
22.2V 10Ah (6 ชุดต่ออนุกรมและ 5 ชุดต่อขนาน รวมทั้งหมด 30 ก้อนแบตเตอรี่ลิเธียม) เป็นต้น
แบตเตอรี่ลิเธียมที่จับคู่กันข้างต้นจะต้องมั่นใจได้ว่าความจุ แรงดันไฟฟ้า ความต้านทานภายใน และสมรรถนะของแบตเตอรี่แต่ละก้อนในชุดแบตเตอรี่นั้นมีความสอดคล้องกันก่อนที่จะนำมาประกอบรวมกัน ความไม่สอดคล้องกันจะทำให้พารามิเตอร์ต่างๆ ของชุดแบตเตอรี่ลิเธียมมีความแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างการใช้งาน จนเกิดความไม่สมดุลของแรงดันไฟฟ้า เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ชาร์จเกิน (Overcharging) หรือคายประจุเกิน (Over-discharging) และความเสียหายของความจุ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดการระเบิดหรือไฟลุกไหม้ได้